Pages

Friday, July 24, 2020

25 ก.ค.''วันน้ำแข็งใส'' ตำนานความเย็นที่ทุกคนชื่นชอบ - เดลีนีวส์

dasimahduh.blogspot.com

ถ้าเอ่ยถึง น้ำแข็งใส หลายคนคงจะรู้จักกันดีว่าคืออาหารว่างชนิดหนึ่ง ที่ใช้น้ำแข็งก้อนใหญ่ไสจนเป็นเกล็ด แล้วอัดลงในถ้วยให้เป็นแท่ง ราดด้วยน้ำหวาน รวมไปถึงการนำมาผสมปรับปรุงรับประทานพร้อมกับขนมอื่นๆ อาทิ ลอดช่อง เผือก ลูกชิด ทับทิมกรอบ ฟักทอง เฉาก๊วย ข้าวโพด ถั่วแดง เป็นต้น โดยบางครั้งมีการราดน้ำกระทิลอยดอกมะลิ หรือขนุนในน้ำเชื่อมใส่ลงไปด้วย ซึ่งร้านขายน้ำแข็งใสในประเทศไทยนั้น ก็มีขายตั้งแต่รถเข็น ร้านขายตามบ้านเรือน แผงลอย ไปจนถึงห้างสรรพสินค้าเลยทีเดียว

สำหรับประวัติของน้ำแข็งใสในประเทศไทยนั้น

เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ที่สั่งมาจากสิงค์โปร์ จะส่งตรงเข้าไปในวัง จนกระทั่งมีการตั้งโรงน้ำแข็งสยามขึ้นมา สิ่งที่นิยมคือนำน้ำแข็งมาทำให้เป็นเกล็ด อัดเป็นแท่งเสียบไม้ ราดด้วยน้ำหวาน ส่วนจ้ำบ๊ะมีต้นกำเนิดจากชาวจีนใน จ.เพชรบุรี คิดค้นจากการนำของกินที่เหลือตอนเช้าคือปาท่องโก๋ ไปทอดกรอบแล้วใส่น้ำแข็งไสลงไป เทน้ำหวานสีแดง

โดยยังไม่เรียกว่าจ้ำบ๊ะ จนปี พ.ศ. 2490 มีการบริโภคนมข้นหวานอย่างแพร่หลาย จึงมีการราดนมข้นหวานลงไป มีลำดับองค์ประกอบคือชั้นฐานประกอบด้วย ปาท่องโก๋ทอด/ขนมปังหัวกะโหลก หั่นเป็นชิ้นพอคำ ต่อมาคือชั้นน้ำแข็งใสในลักษณะพูนคล้ายทรงภูเขาหรือกะลาครอบ และชั้นที่ 3 คือ ชั้นน้ำเชื่อมและชั้นยอด โรยนมข้นหวาน จากนั้นจ้ำบ๊ะมีความแพร่หลายใน จ.ขอนแก่นราวปี พ.ศ. 2525 จนเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยม ที่มาของชื่อ จ้ำบ๊ะ น่าจะมาจาก น้ำแข็งใสสีขาวที่พูนขึ้นคล้ายหน้าอกของนางระบำจ้ำบ๊ะ

ส่วนวันน้ำแข็งนั้น 25 ก.ค.ของทุกปี

ริเริ่มขึ้นโดย สมาคมน้ำแข็งใสญี่ปุ่น ซึ่งเกิดจากการเล่นสำนวนในภาษาญี่ปุ่น กลายเป็นคำที่มีหมายความว่าน้ำแข็งในฤดูร้อน หรือ น้ำแข็งใส ขณะเดียวกันก็เพื่อรำลึกถึงวันที่มีอุณหภูมิสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ณ จังหวัดยามากาตะ คือ 40.8 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2476 ก่อนที่สถิตินี้จะถูกทำลายลงในปี 2550 ด้วยอุณหภูมิ 40.9 องศาเซลเซียส นั่นเอง

จริงๆน้ำแข็งใสญี่ปุ่น มีตำนานมากว่า 1,200 ปี

โดยมีการนำมาเป็นของหวานแก้ร้อนที่มาก่อนไอศกรีม โดยชาวญี่ปุ่นกับอากาศช่วงหน้าร้อนที่ทำเอาเหงื่อกตกเกินจะทน ในสมัยเฮอัน ราวศตวรรษที่ 11 จึงคิดค้นการทำของหวานจากน้ำแข็งขึ้น โดยน้ำแข็งก้อนจะถูกเก็บไว้ในบริเวณนอกเกียวโตในช่วงฤดูหนาว ที่เรียกว่า Himuro (icebox) และถูกส่งมายังพระราชวังในฤดูร้อน โดยสมัยก่อนจะต้องบดน้ำแข็งละเอียดด้วยการใช้มีด นำไปใส่ถ้วยเหล็กกินคู่กับน้ำหวานซึ่งได้จากต้นไม้ และดอกไม้ ก่อนจะราดด้วยน้ำเชื่อมท่ทำจากทอง โดยเป็นขนมหวานที่รับประทานกันในหมู่ชนชั้นสูงเท่านั้น

ต่อมาในช่วงยุคเมจิ คาเฮ นาคากาวะ นักธุรกิจที่เห็นหนทางของขนมหวานชนิดนี้ ได้คิดค้นการนำน้ำแข็งมาจากฮอกไกโด ทำให้คากิโกริขยายไปในวงกว้างมากขึ้น และไม่ต้องนำเข้าน้ำแข็งจากสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป ทำให้เกิดร้านคากิโกริร้านแรกขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1872 บริเวณแถบบาชามิจิ ของจังหวัดคะนะงะวะ

จากนั้น ฮานซาบุโร่ มูราคามิ ได้คิดค้นเครื่องบดน้ำแข็งแบบที่ไม่ต้องสัมผัสอีกต่อไปและยังทำให้ไม่ละลายด้วย โดยเครื่องชนิดนี้ยังมีบางร้านใช้มาจนถึงปัจจุบัน

ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก https://www.mangozero.com/things-to-know-about-kakigori/

Let's block ads! (Why?)



"ที่ชื่นชอบ" - Google News
July 25, 2020 at 08:00AM
https://ift.tt/3hzYm4g

25 ก.ค.''วันน้ำแข็งใส'' ตำนานความเย็นที่ทุกคนชื่นชอบ - เดลีนีวส์
"ที่ชื่นชอบ" - Google News
https://ift.tt/36dr0nt

No comments:

Post a Comment